SMART D CAMP

Smart IQ Camp

S   M   A   R   T       I   Q       C   A   M   P

พบกันเร็ว ๆ นี้

(ประกาศงดทุกค่ายช่วงปิดเทอมใหญ่ 2563)

  ติดต่อสอบถาม 083 903 9956  

 


Smart IQ Camp # 23 »

บันทึกความทรงจำ ค่ายฉลาดคิด รุ่น 23
ตอน พลิกแฟ้มคดีปริศนา

 


Smart IQ Camp # 22 »

ตัวอย่าง ค่ายฉลาดคิด รุ่น 22
ตอน ปริศนาขุมทรัพย์สุดขอบฟ้า

 


Smart IQ Camp # 21 »

ตัวอย่าง ค่ายฉลาดคิด รุ่น 21
ตอน ปริศนาศิลาอาถรรพ์

 


ค่ายฉลาดคิด

ค่ายฉลาดคิด

Smart IQ Camp

พัฒนาทักษะการคิดและแก้ไขปัญหา
ในรูปแบบบูรณาการ

ค่ายพัฒนาปัญญาด้านตรรกศาสตร์และคณิตศาสตร์ ตามแนวทางทฤษฎีพหุปัญญา (Theory of Multiple Intelligences) พัฒนาทักษะการคิดและแก้ไขปัญหา ในรูปแบบบูรณาการ ให้เด็กสนุกสนานกับการเรียนรู้ในภารกิจนักสืบอัจฉริยะ ที่ทั้งสนุก ตื่นเต้น ชวนติดตาม ต้องใช้ความรู้ด้านตรรกศาสตร์และคณิตศาสตร์ มาแก้ไขปัญหาจากเหตุไปหาผล และจากผลไปหาเหตุ ฝึกฝนวิธีการคิดหลากหลายรูปแบบ เพื่อให้สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันต่อไป

หลักการและแนวคิด

ปัญญาด้านตรรกศาสตร์และคณิตศาสตร์ (Logical-Mathematical Intelligence) คือ ความสามารถในการคิดแบบมีเหตุและผล การคิดเชิงนามธรรม การคิดคาดการณ์ และการคิดคำนวณทางคณิตศาสตร์ ผู้ที่มีปัญญาด้านนี้โดดเด่น ก็มักเป็น นักบัญชี นักสถิติ นักคณิตศาสตร์ นักวิจัย นักวิทยาศาสตร์ นักเขียนโปรแกรม หรือวิศวกร

วิธีคิดของผู้ที่มีปัญญาด้านตรรกศาสตร์จะโดดเด่นตรงที่ใช้วิธีคิดจากเหตุไปหาผล หรือจากผลไปหาเหตุ กิจกรรมค่ายฉลาดคิด (Smart IQ Camp) ใช้วิธีการเรียนรู้ในรูปแบบเกมนักสืบอัจฉริยะ ให้เด็กได้ผจญภัยกับภารกิจไขปริศนาคดีต่างๆ แก้ปัญหาเพื่อผ่านไปยังด่านต่อๆไป ซึ่งเป็นรูปแบบที่เด็กที่โดดเด่นด้านนี้จะชื่นชอบเป็นพิเศษ ทำให้กระบวนการเรียนรู้ด้านตรรกศาสตร์และคณิตศาสตร์เปิดกว้างอย่างเต็มที่

วัตถุประสงค์

วัตถุประสงค์หลัก
1. เพื่อพัฒนาการเรียนรู้ ฝึกฝนวิธีคิดหลากหลายรูปแบบ เสริมสร้างปัญญาด้านตรรกศาสตร์และคณิตศาสตร์
2. เพื่อให้เด็กสามารถนำทักษะที่ได้ฝึกฝน ไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้

วัตถุประสงค์รอง
3. เพื่อเสริมสร้างทักษะสังคม การเรียนรู้ร่วมกันกับเพื่อนร่วมค่าย
4. เพื่อเป็นการใช้เวลาว่างอย่างมีคุณค่า

กลุ่มเป้าหมาย

เด็กและวัยรุ่น ช่วงอายุ 7-15 ปี

ระยะเวลา

3 วัน 2 คืน (ตุลาคม 2563)

สถานที่

-

ค่าลงทะเบียน

6,900 บาท (หกพันเก้าร้อยบาทถ้วน)

 


กิจกรรมการเรียนรู้ในค่ายฉลาดคิด ประกอบด้วย

1) IQ Trick สะกิดปัญญา กิจกรรมเกมสนุก ปัญหาฝึกสมอง ประลองปัญญา ฝึกทักษะการคิดระหว่างการเดินทาง
2) IQ Discovery เปิดโลกทัศน์อัจฉริยะ กิจกรรมผจญภัยในดินแดนแห่งความรู้ เพื่อค้นหาคำตอบทางวิทยาศาสตร์ในแขนงต่างๆ ช่วยกระตุ้นความสนใจ และเสริมสร้างความรู้รอบตัว พัฒนาความสามารถของพหุปัญญาด้านตรรกศาสตร์และคณิตศาสตร์
3) IQ Running วิ่งสู่อัจฉริยะ กิจกรรมสนุกสนานกับโจทย์ปัญหาที่ท้าทายระดับเทพ ระดมความคิด ช่วยกันไขคำตอบ โดยใช้ความรู้ความสามารถหลากหลายด้าน ตามแนวคิดทฤษฎีพหุปัญญา เรียนรู้วิธีคิดในแง่มุมต่างๆ
4) IQ Equipment เครื่องมือนักคิด พิชิตปัญหา กิจกรรมเรียนรู้การนำเครื่องมือช่วยคิด มาช่วยให้การคิดเป็นระบบยิ่งขึ้น
5) IQ Code ถอดรหัสอัจฉริยะ กิจกรรมเรียนรู้วิธีการถอดรหัสของนักสืบ เพื่อค้นหาคำตอบในรูปแบบต่างๆ
6) IQ Detective เกมนักสืบอัจฉริยะ เกมนักสืบอัจฉริยะ กิจกรรมเสริมสร้างพหุปัญญาทางด้านตรรกศาสตร์ และคณิตศาสตร์ ในรูปแบบบูรณาการ ผจญภัยกับภารกิจไขปริศนาคดีต่างๆ ทั้งภาคกลางวันและกลางคืน
7) IQ Spy Game เกมสายลับอัจฉริยะ เกมฝึกความไวของระบบประสาทสัมผัสและการเคลื่อนไหว ฝึกความระมัดระวัง ฝึกการสังเกต
8) IQ Free Style ซุ้มนักคิด กิจกรรมเรียนรู้วิธีคิด วิธีแก้ไขปัญหา มีหลากหลายแนว ตามความสนใจของแต่ละคนที่แตกต่างกัน
9) IQ Sports กีฬาเสริมสร้างพลังความคิด สนุกกับกิจกรรมกีฬา เพื่อเสริมสร้างพลังความคิด
10) IQ Relationship กิจกรรมกลุ่มสัมพันธ์ พัฒนาทักษะสังคม เสริมสร้างสัมพันธภาพ เพื่อเป็นพื้นฐานการทำงานเป็นทีม
11) IQ Vote ค้นหาสุดยอดนักสืบอัจฉริยะ พิจาณาจากผู้ที่สามารถบูรณาการความรู้ในแขนงต่างๆ มาประยุกต์ใช้ในกิจกรรมต่างๆ อย่างโดดเด่น เพื่อสร้างความภาคภูมิใจในตนเองให้กับเด็ก และเป็นแบบอย่างที่ดี
12) IQ Spy Vote ค้นหาสายลับอัจฉริยะ พิจาณาจากผู้ที่มีไหวพริบ มีความว่องไวของระบบประสาทสัมผัสและการเคลื่อนไหว มาประยุกต์ใช้ในกิจกรรมต่างๆ อย่างโดดเด่น เพื่อสร้างความภาคภูมิใจในตนเองให้กับเด็ก และเป็นแบบอย่างที่ดี

หมายเหตุ : โปรแกรมอาจมีการปรับเปลี่ยนตามความเหมาะสม

 


Smart IQ Camp

ตารางกิจกรรม ค่ายฉลาดคิด รุ่น 24

ดาวน์โหลดตารางกิจกรรม »

 


รายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องนัดหมายการเดินทาง การเตรียมตัวไปค่าย เรื่องทั่วๆ ไปเกี่ยวกับความเป็นอยู่ในค่าย และข้อมูลประกอบอื่นๆ ให้กับน้องๆ และผู้ปกครองให้ทราบเกี่ยวกับค่ายฯ ดังนี้ครับ

สิ่งของที่ต้องเตรียมไปค่าย

- เสื้อผ้าเตรียมไปให้พอกับจำนวนวันที่อยู่ค่าย ไม่ต้องส่งซักหรือซักเอง เพราะคงไม่มีเวลาเพียงพอ ยกเว้นการซักเล็กๆ น้อยๆ
- ถุงเท้า รองเท้าผ้าใบ (สำหรับออกกำลังกายตอนเช้า) และชุดกีฬา (หรือใครจะใส่ชุดนอนมาวิ่งก็ไม่ว่ากัน)
- รองเท้าแตะ
- สบู่ ยาสีฟัน แปรงสีฟัน ยาสระผม
- ผ้าเปลี่ยนอาบน้ำ/ ผ้าเช็ดตัว
- ยาประจำตัว
- ครีมกันแดด (ถ้าต้องการใช้)

ข้อมูลอื่นๆ

- ในการเข้าฐานแต่ละวัน แต่งกายตามสบาย ส่วนรองเท้าก็เลือกใส่กันตามสะดวกครับ
- ฐานเรียน ที่พัก โรงอาหาร จะอยู่ไม่ไกลกัน สามารถเดินถึงกันได้สะดวก
- ไม่ควรนำของมีค่าติดตัวมา สำหรับกล้องถ่ายรูป หรือโทรศัพท์มือถือ อนุญาตให้นำมาได้ แต่ควรดูแลเก็บรักษาให้ดี ส่วนเงิน นำมาแค่พอค่าใช้จ่ายเล็กๆ น้อยๆ ก็พอ เช่น ค่าขนม
- กรณีที่ผู้ปกครองต้องการติดต่อกับน้องๆ (ผู้ที่ไม่มีโทรศัพท์) ระหว่างที่อยู่ค่าย สามารถติดต่อที่โทรศัพท์มือถือเบอร์กลาง 083-903-9956 และเพื่อความสะดวกในการตามตัวและไม่รบกวนน้องๆ ในเวลาทำกิจกรรม จึงขอกำหนดเวลาโทรฯครับ คือให้ผู้ปกครองโทรฯติดต่อช่วงเวลา 8.00-9.00 น . ,12.00-13.00 น . และ 17.00-19.00 น . ยกเว้นกรณีฉุกเฉิน

หากมีข้อสงสัยอื่นๆ เพิ่มเติม สอบถามรายละเอียดได้ที่ คุณแสงรวี โทร . 083-903-9956

ดาวน์โหลดการเตรียมตัวมาค่าย »

 


ในวันเดินทาง ผู้ปกครองโปรดนำเด็กมาลงทะเบียนที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา แจ้งวัฒนะ ชั้น 7 Education Zone หน้า Smart D Camp สถาบัน Happy Home (ตามแผนที่) เวลา 9.00 น .

Smart D Camp

ดาวน์โหลดแผนที่ »

 

จอดรถที่อาคารจอดรถด้านหลัง ชั้น 3 โซน B แล้วเข้าศูนย์การค้าที่ชั้น 3 โซน B (เนื่องจากชั้นอื่นยังไม่เปิด) เดินตรงเข้ามา จะเจอลิฟท์ทางขวามือ ขึ้นลิฟท์ จากชั้น 3 มาที่ชั้น 7 โซนการศึกษา (Education Zone) ออกจากลิฟท์เลี้ยวซ้าย จะเห็นร้าน HAPPY HOME พอดี

ทางเข้าจากอาคารจอดรถ ชั้น 3 โซน B

การรับ-ส่งเด็ก

ขึ้นลิฟท์ จากชั้น 3

การรับ-ส่งเด็ก

ชั้น 7 Education Zone
ออกจากลิฟท์เลี้ยวซ้ายจะเห็นร้าน HAPPY HOME

การรับ-ส่งเด็ก

 


Smart IQ Camp

 

 


สำหรับโรงเรียน หรือหน่วยงานที่สนใจ สามารถขอข้อมูลเพิ่มเติมได้ ทางทีมงานยินดีเข้าไปนำเสนอข้อมูลต่างๆ ให้ และโปรแกรมต่างๆ สามารถปรับให้เหมาะสม ตรงตามเป้าหมายที่โรงเรียนหรือหน่วยงานต้องการ


ค่ายฉลาดคิด

 


เด็กบางคนเก่งทุกเรื่อง บางคนเก่งเฉพาะบางเรื่อง
แต่ไม่มีใครที่ไม่เก่งเลยสักเรื่อง
เด็กที่ไม่เก่งคณิตศาสตร์ อาจจะมีความสามารถในการใช้ภาษาดี
เด็กที่ไม่เก่งด้านภาษา อาจจะมีความสามารถในด้านคณิตศาสตร์ดี
เด็กที่ไม่เก่งทั้งคณิตศาสตร์และภาษา อาจเป็นเลิศทางศิลปะ
เด็กที่ไอคิวปกติ อาจเป็นอัจฉริยะทางกีฬา
เด็กที่ไอคิวต่ำกว่าปกติ อาจเป็นอัจฉริยะทางดนตรี
เด็กที่ไอคิวสูง อาจเก่งหลายเรื่อง แต่ขาดทักษะทางสังคมที่ดี
เด็กที่ไม่เก่งทั้งคณิตศาสตร์ ภาษา ดนตรี กีฬา และศิลปะ
ก็สามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข มีเพื่อนฝูงมากมาย ได้เช่นกัน


การค้นหาปัญญาความสามารถ เสริมสร้างโอกาสให้เด็กได้สัมผัสและแสดงออก และส่งเสริมพัฒนาในด้านที่เด็กถนัด จะช่วยให้เด็กสามารถพัฒนาตนเองไปสู่ความเป็นตัวตนที่แท้จริงของเขาในที่สุด

สมาร์ทดีแคมป์ (Smart D Camp) ขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการนำเสนอทางเลือกเพื่อการพัฒนาเด็ก โดยจัดเป็นกิจกรรมค่าย และโปรแกรมต่างๆ เพื่อค้นหาแววความสามารถพิเศษ เพื่อเป็นจุดเริ่มต้นในการค้นหา และพัฒนาตนเองของเด็กต่อไปในอนาคต นอกจากนี้ยังช่วยเสริมสร้างทักษะสังคม การเรียนรู้ร่วมกันกับเพื่อนๆ และเป็นการใช้เวลาว่างอย่างมีคุณค่าด้วย

 


จากทฤษฎีสู่การปฏิบัติจริง
จากประสบการณ์สู่ความเชี่ยวชาญ
ด้วยบทพิสูจน์จากผลงานมากกว่า 100 กิจกรรม
ในด้านการจัดค่าย และ โปรแกรม
สำหรับการพัฒนาเด็กและเยาวชนไทย

ประวัติและผลงาน สมาร์ท ดี แคมป์ »

 


Smart D Camp จัดทำเป็นโปรแกรมการเรียนรู้ ค่ายช่วงปิดเทอม และค่ายสุดสัปดาห์ เพื่อให้เด็กและวัยรุ่นได้ค้นหา พัฒนาความสามารถที่มีอยู่ สามารถนำมาใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยนำทฤษฎีพหุปัญญามาประยุกต์เพื่อส่งเสริมสติปัญญาทุกด้าน ทั้ง การใช้เหตุผล ภาษา มิติสัมพันธ์ ดนตรี กีฬาและการเคลื่อนไหว มนุษยสัมพันธ์ การเข้าใจตนเอง และการเข้าใจธรรมชาติ

Smart D Camp รับเป็นออกาไนเซอร์ จัดทำค่ายพัฒนาเด็กและวัยรุ่น ให้โรงเรียน และหน่วยงานต่างๆ โดยทีมงานคุณภาพ มีประสบการณ์ในงานด้านพัฒนาเด็ก ทั้งในเด็กทั่วไป เด็กพิเศษ และเด็กอัจฉริยะ พร้อมทั้งมีทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาเด็กเป็นที่ปรึกษาทางวิชาการ

นพ.ทวีศักดิ์ สิริรัตน์เรขา

นพ.ทวีศักดิ์ สิริรัตน์เรขา

จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น
การศึกษา

· แพทยศาสตร์บัณฑิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
· วุฒิบัตรแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ สาขาจิตเวชศาสตร์เด็กและวัยรุ่น (จุฬาฯ)

ข้อมูลเพิ่มเติม »

 

Multiple Intelligence
ทฤษฎีพหุปัญญา
ทฤษฎีพหุปัญญา

 

ค่ายค้นหาแววอัจฉริยะ
ค่ายค้นหาแววอัจฉริยะ

ค่ายฉลาดคิด
ค่ายฉลาดคิด

ค่ายอารมณ์ดี
ค่ายอารมณ์ดี

ค่ายเด็ก ดอกไม้ ดวงดาว
ค่ายเด็ก ดอกไม้ ดวงดาว

ข้อมูลเพิ่มเติม โปรแกรมอัจฉริยะ »


 

 

IQ empowerment

ไอคิว ความฉลาดที่เพิ่มพูนได้

ไอคิว ความฉลาดที่เพิ่มพูนได้

ความฉลาด ส่วนหนึ่งติดตัวมาตั้งแต่เกิด
ถือว่าเป็นต้นทุนของแต่ละคนที่ไม่เท่ากัน
แต่อีกส่วนหนึ่งได้จากประสบการณ์
การเรียนรู้เพิ่มเติม โอกาสในการฝึกฝน
การให้ความสำคัญ และสภาพสังคม วัฒนธรรม
ที่เอื้ออำนวยให้มีการนำออกมาใช้

IQ empowerment »

 

 

ไอคิว ความฉลาดที่เพิ่มพูนได้

ไอคิว (IQ) มาจากคำเต็มว่า Intelligent Quotient คือ ระดับเชาวน์ปัญญา ซึ่งได้มาจากการวัดโดยแบบทดสอบทางสติปัญญา แล้วแปลผลออกมาเป็นตัวเลข ระดับของไอคิวปกติอยู่ในช่วง 90-109 ตัวเลขเหล่านี้บ่งชี้เฉพาะระดับเชาวน์ปัญญาในบางด้านของเด็ก ที่สามารถวัดออกมาเป็นตัวเลขได้ แต่ไม่ได้เป็นตัวหลักในการบ่งบอกว่าผิดปกติหรือไม่ ต้องพิจารณาองค์ประกอบอื่นๆ ร่วมด้วยเพิ่มเติม

ผลที่ได้จากการวัดไอคิว ต้องรู้ในรายละเอียดด้วยว่า ใช้แบบทดสอบใด เป็นแบบทดสอบมาตรฐานหรือไม่ ใครเป็นผู้ทดสอบ ช่วงเวลาที่ทำการทดสอบเด็กมีความพร้อมแค่ไหน ให้ความร่วมมือหรือไม่ เพราะสิ่งเหล่านี้มีผลต่อความเชื่อถือในผลลัพธ์ที่ได้ทั้งสิ้น เราคงไม่จำตัวเลขเพียงอย่างเดียวแล้วมาตีตราว่าเด็กฉลาดหรือโง่ การทดสอบไอคิว ไม่ได้ทำให้รู้ว่าใครเก่งกว่าใคร แต่ทำเพื่อช่วยค้นหาปัญหา แล้วหาแนวทางช่วยเหลือ ส่งเสริม พัฒนาให้เด็ก นอกจากนี้ แบบทดสอบไอคิวที่มีใช้กันอยู่ ก็ไม่ได้ครอบคลุมความฉลาดครบทุกด้าน

เรื่องของสติปัญญา มีทฤษฎีพหุปัญญา (Multiple Intelligence Theory) พูดถึงเรื่องของความฉลาด ว่าไม่ได้มีเพียงด้านความคิดด้านเดียว แต่มีอย่างน้อย 8 ด้าน คือ

1) ด้านตรรกศาสตร์ - คณิตศาสตร์ (Logical-Mathematical Intelligence)
2) ด้านภาษา (Linguistic Intelligence)
3) ด้านมิติสัมพันธ์ (Visual Spatial Intelligence)
4) ด้านการเคลื่อนไหวร่างกาย (Bodily Kinesthetic Intelligence)
5) ด้านดนตรี (Musical Intelligence)
6) ด้านความสัมพันธ์กับผู้อื่น (Interpersonal Intelligence)
7) ด้านการเข้าใจตนเอง (Intrapersonal Intelligence)
8) ด้านธรรมชาติวิทยา (Naturalist Intelligence)

แต่ละคนมีความฉลาดด้านต่างๆ แตกต่างกันไป บางด้านมาก บางด้านน้อย ผสมผสานกันเป็นสัดส่วนที่ลงตัวสำหรับบุคคลนั้นๆ ความฉลาดเหล่านี้ส่วนหนึ่งติดตัวมาตั้งแต่เกิด ถือว่าเป็นต้นทุนของแต่ละคนที่ไม่เท่ากัน แต่อีกส่วนหนึ่งได้จากประสบการณ์การเรียนรู้เพิ่มเติม โอกาสในการฝึกฝน การให้ความสำคัญ และสภาพสังคม วัฒนธรรม ที่เอื้ออำนวยให้มีการนำออกมาใช้

สำหรับความฉลาดในด้าน ความสัมพันธ์กับผู้อื่น และด้านความเข้าใจตนเอง ได้ถูกหยิบยกมาทำความรู้จักในมุมมองใหม่ หรือที่รู้จักกันโดยทั่วไปว่า อีคิว (Emotional Quotient) ได้มีความพยายามที่จะวัดออกมาเป็นตัวเลขเหมือนไอคิว ถึงยังไม่ค่อยประสบความสำเร็จเท่าที่ควรในด้านการวัด แต่ก็เป็นเรื่องที่ได้รับความสนใจอย่างกว้างขวาง

นอกจากนี้ยังมีเรื่องของความคิดสร้างสรรค์ (Creative Thinking) ซึ่งเป็นอีกมุมหนึ่งที่ควรมีการส่งเสริมเช่นเดียวกัน เป็นสิ่งที่มีคู่ขนานไปกับไอคิว แต่ไม่สัมพันธ์กัน คนไอคิวดีไม่จำเป็นต้องมีความคิดสร้างสรรค์ดี คนมีความคิดสร้างสรรค์ดี ก็ไม่จำเป็นต้องมีไอคิวดีเช่นกัน

ถ้าคุณพ่อ คุณแม่ สามารถหาสัดส่วนที่ลงตัวของความฉลาดด้านต่างๆ ของลูกรักได้ และให้การส่งเสริม พัฒนาในแนวทางที่เหมาะสม ถูกทิศทาง ก็จะช่วยให้เขาเป็นผู้ที่ฉลาด มีภูมิปัญญาตามทิศทางเหมาะสมกับตัวเขา สามารถพัฒนาอย่างต่อเนื่องด้วยตัวเขาเองได้ในที่สุด แต่ถ้าเขาฉลาดผิดทิศทาง ไม่เหมาะสมกับตัวเขา ถึงจุดหนึ่งอาจหยุดชะงัก พัฒนาด้วยตัวเองไม่ได้ และถอยหลังในที่สุด

แนวทางเพิ่มพูนปัญญา

1) ส่งเสริมสุขภาพร่างกาย

สุขภาพร่างกายที่แข็งแรงคือรากฐานที่สำคัญ ทำให้สมองมีพลังงานทำงานเต็มศักยภาพ ทำให้ร่างกายทำงานได้เต็มที่ตามที่สมองสั่งการ แล้วย้อนกลับมาพัฒนาสมอง เป็นวงจรแห่งปัญญาในที่สุด การส่งเสริมสุขภาพกายให้แข็งแรง โดยหลักใหญ่มีอยู่ 3 อ. คือ อาหาร ออกกำลังกาย เอกเขนก

2) ส่งเสริมพัฒนาการตามวัย

พ่อแม่ควรใส่ใจกับพัฒนาการในแต่ละวัยของเด็ก เพราะเป็นพื้นฐานสำคัญในการเรียนรู้ ถ้าพัฒนาการด้านไหนช้าก็ต้องรีบกระตุ้นทันที ถ้าไม่ช้าก็ส่งเสริมให้เร็วขึ้นได้เช่นกัน แต่ถ้าทำมากเกินไป ก็ส่งผลเสียได้เช่นกัน การเร่งเร้าเร็วจนเกินความสามารถในวัยนั้น อาจทำให้เด็กหมดความมั่นใจ แล้วไม่กล้าเรียนรู้ต่อก็ได้
พัฒนาการเด็กมี 4 ด้าน คือ ด้านร่างกาย ด้านสติปัญญา ด้านอารมณ์ และด้านสังคม การส่งเสริมควรพิจารณาทุกด้าน

3) สอนให้คิดเป็น ทำเป็น (ไม่ใช่แค่จำได้ ลอกเลียนแบบเป็น)

การสอนให้เด็กคิดแบบมีเหตุมีผล ตามกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ จะทำให้เด็กคิดเป็นระบบ แต่การให้คิดนอกกรอบ ไม่ไปจำกัดความคิด ไม่ใช้เหตุผลบ้าง จะได้มีความคิดสร้างสรรค์ดี ในขณะเดียวกันถ้าคิดแล้วเกิดผลเสียต่อตนเอง และผู้อื่น ก็คงไม่ดี จึงควรคิดในเชิงบวกด้วย การสอนคิด ต้องสอนให้เด็กคิดได้ทุกรูปแบบ คือ คิดเป็นระบบ (Systematic Thinking) คิดสร้างสรรค์ (Creative Thinking) และคิดเชิงบวก (Positive Thinking)

4) สร้างนิสัยรักการอ่าน

การสร้างนิสัยรักการอ่านเป็นเรื่องไม่ยาก แต่ควรบ่มเพาะตั้งแต่เด็ก หนังสือเล่มแรกมีความสำคัญมาก ควรจะทำให้เด็กประทับใจ และอยากอ่านเล่มต่อไป ควรเป็นหนังสือภาพ เป็นหนังสือที่ผู้ใหญ่อ่านให้ฟังก่อนนอน ไม่ใช่ให้เด็กอ่านเอง ตามด้วยหนังสือนิทานที่มีตัวหนังสือเล็กน้อย รูปภาพมาก มีสีสัน น่าสนใจ

5) เล่นให้สนุก เล่นให้เป็น เล่นให้สมตามวัย

การเล่นต้องให้เหมาะสมตามวัย และระดับพัฒนาการ พ่อแม่จะช่วยในเรื่องการเลือกของเล่น และเล่นกับลูก ในขวบปีแรก ควรเลือกของเล่นที่เคลื่อนไหว มีสีสด มีเสียง เพื่อกระตุ้นประสาทสัมผัสด้านการได้ยินและการมองเห็น เล่นจ๊ะเอ๋ เล่นปูไต่ เป็นต้น พอโตขึ้นควรกระตุ้นพัฒนากล้ามเนื้อ ก็ต้องเลือกของเล่นที่ช่วยกระตุ้นการใช้มือ ใช้เท้า การประสานงานของกล้ามเนื้อ เช่น รถสามล้อถีบ, แป้งโดว์ เป็นต้น